การประเมินค่าถึงแหล่งทรัพยากร​ของโลกที่เหลืออยู่

การประเมินค่าถึงแหล่งทรัพยากร​ของโลกที่เหลืออยู่

การประเมินค่าถึงแหล่งทรัพยากร​ของโลกที่เหลืออยู่

(ภาพประกอบการอธิบายพลังงานที่ได้จากทรัพยากรธรรมชาติ​ที่เหลืออยู่)​

การประมาณ​ค่าพลังงานสำรองของโลกที่เหลืออยู่ ประเภทที่ไม่สามารถ​ทดแทดได้จากพลังงานอื่น​  (Estimated remaining world supplies of Non-renewable resources)

ด้านบนสุดทางซ้ายมือคือ:

ระบบนิเวศ​และสิ่งแวดล้อม​ (Ecosystem )​ สีเหลือง​ เชื้อเพลิงฟอสซิล​ (fossil fuels)​ สีฟ้า​    สินแร่ต่างๆทางธรรมชาติ​ (minerals) สีแดง

เบื้องต้นนี้ขออธิบายถึงพลังงานในรูปแบบต่างๆที่ปรากฏอยู่ในวงกลม​  ดังต่อไปนี้

Antimony : แร่พลวง​ คือธาตุลำดับที่ 51 สัญลักษณ์ Sb เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวคล้ายโลหะเงินใช้ผลิต​ เป็นตัวยา​ต่างๆ และ​แบตเตอรี่​ต่างๆ

Indium: คือแร่โลหะอ่อนสีเงิน (สัญลักษณ์ย่อคือ In)​ ใช้ผลิตหน้าจอสัมผัสทุกชนิด​ เช่น​หน้าจอคอมพิวเตอร์​ สมาร์ทโฟน​ และใช้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์

Silver: คือ​แร่เงินหรือธาตุเงิน​ ใช้ผลิตเหรียญที่ระลึกและเหรียญรางวัล และใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องประดับเช่น​ เพชรพลอย​และอัญมณีต่างๆ

Copper: คือทองแดง​ ใช้ผลิตเรื่องใช้ที่ทำจากทองแดง​ ผลิตภัณฑ์​ทองเหลือง​ สายไฟฟ้า ท่อที่ทำจากทองแดง

Titanium: ไทเทเนียม​ เป็นโลหะผสม​ ใช้ผลิตเครื่องบิน​ และเสื้อเกาะป้องกันกระสุน​ปืน

Tantalum: แทนทาลัม​เป็น ธาตุชนิดหนึ่งมีสีเทาฟ้าใช้เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า​ต่างๆ​ เช่น​ โทรศัพท์มือถือ​

Phosphorus: แร่ฟอสฟอรัสหรือ​ธาตุฟอสฟอรัส​ ใช้เป็นส่วนผสมปุ๋ยอินทรีย์​หรือปุ๋ยเคมี​ และใช้ผสมเป็นยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์

Aluminium: อะลูมิเนียม เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันกับการก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม​ เป็นโลหะเบา สีขาว​ ใช้ผลิตอุปกรณ์​ทางโทรคมนาคม​หรือการบรรจุหีบห่อ​ หรือผลิตภัณฑ์​อะลูมิเนียม​ต่างๆ

Gas: ก๊าซหรือแก๊ซ​ ใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง​ เช่น ก๊าชธรรมชาติ​  ได้แก่​ ก๊าชไฮโดรเจน (H) ก๊าชมีเทน​ ก๊าชอีเทนและอื่นๆ​ ซึ่งใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเคมี (ปิโตรเลี่ยม)​

Oil:  น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ​ เช่น​ น้ำมันปิโตรเลียม​ น้ำมันพืชหรือ น้ำมันดิบที่เรารูจักกันดี​ ทุกอย่างบนโลกใบนี้ย่อมใช้น้ำมันเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงาน

Coal: ถ่านหิน​ คือหินชนิดหนึ่งที่เกิดจากการตกตะกอนสะสมของซากพืชในยุคดึกดำบรรพ์เป็นเวลายาวนานหลายล้านปี มีองค์ประกอบ​เป็นธาต​ุคาร์บอน​เป็นแร่เชื้อเพลิงสามารถติดไฟได้ มีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีดำ มีทั้งชนิดผิวมันและผิวด้าน น้ำหนักเบา ถ่านหินประกอบด้วยธาตุที่สำคัญ 4 อย่างได้แก่ คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และออกซิเจน​ เป็นต้น ใช้เป็นพลังงานจากถ่านหินเพื่อจะได้ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานนิวเคลียร์​

Agricultural land: พื้นที่เกษตรกรรม​  คือทุกพื้นที่ที่มีการทำการเกษตร​โดยรวม

Coral reefs: พื้นที่แนวปะการัง​ พื้นที่ที่เป็นทะเล

Rainforest: ป่าหนาทึบในเขตร้อนซึ่งมีฝนตกมาก​หรือเรียกว่า​ ป่าดงดิบ​ เช่น​ ป่าอเมซอน​

โดยจุดเริ่มต้นของภาพวงกลมนี้คือจุดตรงกลางนับจากปี​ 2012  ไปตามเข็มนาฬิกา​ด้านขวามือไปเรื่อยๆ​ โดยอธิบายว่าพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ​ น้ำมันเชื้อเพลิงและสินแร่แต่ล่ะชนิดจะยังคงเหลือเวลาอีกกี่ปีที่บรรดาบริษัท​ต่างๆจะเข้าไปทำการขุดเจาะได้​ นั่นหมายความว่าโลกใบนี้เหลือทรัพยากร​ที่เป็นตัวขับเคลื่อนอารยธรรม​นี้ได้อีกนานเท่าใด

ขออธิบายเส้นประ​ที่ทะแยงออกไปด้านนอกวงกลมด้านขวามือก็คือ​การคาดการณ์​ว่าภายในปีที่ปรากฏ​นั้นจะเกิดอะไรขึ้น​ ดังนั้น

​ *เส้นประ​ที่ทะแทงออกเส้นแรกระบุว่าในปี​ ค.ศ.​ 2030   แผ่นน้ำแข็งที่อาร์กติก​ในฤดูร้อนละลาย​หนัก​จนไม่มีแผ่นน้ำแข็งแล้ว (Arctic-ice free in summer)​

*และต่อเนื่องไปจนถึงปี​ ค.ศ.​ 2050 ก็จะเป็นช่วงเวลา​ที่จำแนกออกเป็นหนึ่งส่วนสามของพืชและสัตว์หลายชนิดที่อาศัยอยู่บนดินจะเผชิญ​กับการสูญพันธุ์​ซึ่งอาจจะรวมถึงมนุษย์​ได้ด้วยเพราะพวกเราก็อาศัยอยู่บนดิน​เช่นกัน​ (third of land plant and animal species extinct due to climate change)

*และต่อเนื่องไปจนถึงปี​ ค.ศ. 2060 เป็นช่วงอันตราย​ที่อุณหภูมิ​โลกร้อนขึ้นถึง​ 2 องศาเซลเซียส​เป็นต้น​ แต่อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการคาดการณ์โดยประมาณ​ตอนที่อุณหภูมิ​โลกยังไม่คงที่​นัก​ จึงคาดว่าเหตุการณ์​ต่างๆอาจจะ​เกิดขึ้นเร็วมากกว่าหรือจะเกิดขึ้นช้ากว่าระยะเวลาที่กล่าวไปเบื้องต้นก็เป็นได้​ แต่ก็ขึ้นอยู่กลับการแข่งขัน​แย่งชิงกันเรื่องทรัพยากร​ที่เหลืออยู่ของแต่ละประเทศทั่วโลกนั่นเอง!

และส่วนที่เหลือเราจะเห็นมีตัวเลขแสดงตามเส้นวงกลมและระบุถึงทรัพยากร​ต่างๆจะหมดลงประมาณช่วงเวลาใด

โดยเริ่มจาก:

“Antimony (แร่พลวง)​ มีที่สามารถ​ขุดได้อีก 8 ปี​Indium (แร่โลหะอ่อนสีเงิน)​ ขุดใช้ได้อีก​ 12​ ปี​Silver (แร่เงิน)​ ขุดใช้อีก​ 17​ ปี​

Copper (แร่ทองแดง)​ ขุดใช้ได้อีกแค่​  32 ปี​Titanium (แร่ไทเทเนียม)​ขุดใช้ได้อีก 44 ปี
Tantalum  (แร่แทนทาลัม)​ มีใช้ได้อีก​ 46 ปี Phosphorus (แร่ฟอสฟอรัส)​ มีใช้ได้อีก​ 76 ปี Aluminium (แร่อะลูมิเนียม)​ มีใช้ได้อีก​ 80​ ปี

Gas (ก๊าซ​หรือ​แก๊ส​ต่างๆ)​ ที่เหลือใช้ได้อีก​ 35​ ปี​ Oil  (น้ำมันดิบ)​ เหลือเวลาอีก​ 37​ ปี​

Coal (ถ่านหิน)​ ที่จะเผาได้อีกเหลือเวลาแค่​ 42 ปี   Agricultural land  (พื้นที่เพาะปลูก​หรือที่สามารถทำการเกษตร​ได้)​ อีก​ 69​ ปี​ ก็จะไม่เหลือพื้นที่ดังกล่าว​   Coral reefs (พื้นที่แนวปะการัง)​ ยังคงมีอยู่อีก​ 88 ปี

Rainforest  ยังมีพื้นที่ป่าที่ยังควเหลืออยู่ทั่วโลกอีก​ 78 ปี​ และจุดนี้ระบุไว้ว่า​ ป่าดงดิบที่ประเทศอินโดนีเซีย ​(Indonesian Rainforest gone) จะหายไป และเส้นวงจรสุดท้ายระบุว่าอีก​ 196  ปี​ข้างหน้า​ ป่าดงดิบที่ประเทศบราซิล​ ​(​Brazilain Rainforest gone) จะหายไปเช่นกัน​”

ดังนั้นก็ขอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจร่วมกันว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่ของแหล่งพลังงาน​ที่หาได้จากทรัพยากร​ธรรมชาติ​และสินแร่ต่างๆนั้นเหลืออยู่อย่างจำกัด​ ซึ่งถ้าทั่วโลกเพิ่มระดับการบริโภคพลังงานต่างๆเหล่าเพิ่มมากขึ้นทุกปีและเชื่อได้เลยว่าการคาดการณ์​เหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาที่กล่าวไปก็เป็นได้​ พวกเราจึงจำเป็นต้องตระหนักถึง​ว่า​ เราจำเป็นที่จะต้องลดอัตราการใช้พลังงานดังกล่าวลงเป็นอยากมาก​ เพื่ออนาคตของรุ่นต่อๆไปเขาจะได้มีโอกาสใช้ทรัพยากร​ทางธรรมชาติ​ที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้ด้วยเช่นกัน!   และพวกเราต้องเปิดโอกาสให้ธรรมชาติ​ได้รักษาแผลที่เกิดจากการขุดเจาะต่างๆและที่เกิดจากการเข้าไปทำลายความอุดมสมบูรณ์​ของธรรมชาติ​ด้วยเช่นกัน!

แหล่งอ้างอิงข้อมูลด้านล่างของภาพประกอบนี้เลย!

 

 

 

No comments.

Leave a Reply