บทรีวิวหนังสือสารคดีเล่มโปรด: Original Wisdom

บทรีวิวหนังสือสารคดีเล่มโปรด: Original Wisdom

บทรีวิวหนังสือสารคดีเล่มโปรด: Original Wisdom

ชื่อหนังสือต้นฉบับ:


Original Wisdom: Stories of an Ancient Way of Knowing by Robert Wolff 

Foreword by Thom Hartmann, author of The Last Hours of Ancient Sunlight

ชื่อหนังสือแปลฉบับภาษาไทย:
จุดกำเนิดแห่งปัญญา หนทางหยั่งรู้ผ่านเรื่องเล่าในอดีตกาล
โรเบิร์ท โวล์ฟ: เขียน ทอม ฮาร์ทเมน: บทนำ
อนุธิดา มูลนาม: แปล /เรียบเรียง

ผู้แปลจัดทำฉบับอ่านรีวิวขึ้น เพื่อแบ่งปันเรื่องราวความเชื่อที่จะช่วยย้ำเตือนความทรงจำในอดีต และคติสอนใจของเหล่าของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมในประเทศมาเลเซีย และมุมมองแห่งชีวิตจากอีกหลายกลุ่มชน ให้กับผู้อ่านที่สนใจเรียนรู้ วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ในโลกธรรมชาติ ของชนพื้นเมืองดั้งเดิมในยุคก่อนเกษตรกรรม และเพื่อนำเสนอให้กับสำนักพิมพ์ได้ยืนยันรับรองตีพิมพ์เป็นหนังสือแปลฉบับสมบูรณ์ในอนาคต หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่า เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นให้กับผู้อ่านทุกกลุ่ม ที่ชื่นชอบการอ่านนอกเวลา ซึ่งหนังสือเล่มนี้เขียนเกี่ยวกับชนพื้นเมืองในโลกธรรมชาติ และโลกแห่งจิตวิญญาณจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน ผู้แปลเชื่อมั่นมากว่า ถ้าหากผู้คนในสังคมทั้งหลายได้หวนคืนกลับมาตระหนักในเรื่องของ การเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ การเคารพธรรมชาติ และการดำรงอยู่เป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกธรรมชาติ ได้อย่างคนป่าและชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมกันมากขึ้น นั่นคงจะทำให้พวกเราเข้าใจถึง ความหมายของการเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง ได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

จากใจผู้แปล

หนังสือ จุดกำเนิดแห่งปัญญา หนทางหยั่งรู้ผ่านเรื่องเล่าในอดีตกาล ของ โรเบิร์ท โวล์ฟ ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นหนังสือเมื่ออ่านแล้วจะติดตรึงอยู่ในใจคุณเสมอ และยังได้รับการยืนยันว่าเป็นหนังสือที่สะท้อนวิถีชีวิต พิธีกรรมความเชื่อทางจิตวิญญาณ การหยั่งรู้เพื่อการสัมผัสกับโลกธรรมชาติ และความเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งบนโลกของ ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ชาวสินอย ชาวมาเลย์ดั้งเดิม ในประเทศมาเลเซีย ชนพื้นเมืองดั้งเดิมบนเกาะสุมาตรา ชาวบาลีและบารง ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่เขาได้เติบโตมาด้วยกันในวัยเด็ก ชาวซูรินาม ในทวีปอเมริกาใต้ ชนพื้นเมืองชาวฮาวาย บนเกาะใหญ่ในรัฐฮาวาย และอีกหลายกลุ่มชนบนเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยผู้เขียนได้เข้าไปใช้ชีวิต และศึกษาเรียนรู้วิถีความเป็นอยู่ในโลกธรรมชาติ และได้สะท้อนความเฉลียวฉลาดของชนพื้นเมืองดังกล่าวไว้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง รวมถึงการสะท้อนปัญหาของอารยธรรมสมัยใหม่จากมุมมองของชนพื้นเมืองผู้ที่ไร้อารยธรรมได้อย่างลึกซึ้ง

โรเบิร์ท  โวล์ฟ  ได้เขย่าเรื่องเล่าอันน่าทึ่งของชนเผ่าพื้นเมือง ชาวสินอย ของประเทศมาเลเซีย (The Aboriginal Sng’oi of Malaysia) หรือบางคนก็รู้จักพวกเขาในชื่อ ซาไก Sakai พวกเขาเป็นชนเผ่าดั้งเดิมในยุคก่อนเกษตรกรรม และยุคก่อนอุตสาหกรรม ถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มชนกึ่งเร่ร่อน หรือเป็นกลุ่มคนล่าสัตว์และเก็บของป่า ชาวสินอย มีวิถีการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันเสมอ ไม่รู้จักความเร่งรีบและความขัดแย้ง ชาวซาไก หลายคนคงเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อพวกเขามาแล้วตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก เช่นเดียวกันกับผู้แปล ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในป่าดงดิบอันลึกลับ ยากที่จะเข้าถึงพวกเขา แต่  โรเบิร์ท  โวล์ฟ ได้เข้าไปสัมผัสและเรียนรู้วิถีการดำรงชีวิตของพวกเขาในดินแดนอันลี้ลับบนภูเขาอันสูงชันแห่งป่าดิบชื้น และได้สะท้อนบทเรียนผ่านเรื่องเล่าอันน่าพิศวง จึงเป็นที่มาของชื่อหนังสือเล่มนี้ให้ผู้คนทั้งโลกได้รับรู้เรื่องราวของพวกเขา

คุณเคยถามตัวเองไหมว่า เหตุฉไหนมนุษย์ยุคบรรพบุรุษถึงสามารถที่จะอยู่รอดได้ในป่าดงดิบอันลี้ลับท่ามกลางสิงห์สาราสัตว์อันดุร้ายยิ่ง จากมุมมองของพวกเราในวันนี้? พวกเขาดำรงชีวิตกันอย่างไรท่ามกลางความอดอยาก และขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกของยุคแห่งอารยธรรม ชาวซูรินาม ในทวีปอเมริกาใต้ ได้สร้างความเข้าใจให้กับเราว่า ธรรมชาติของมนุษย์คือการดำรงอยู่ด้วยกันเป็นชนเผ่า ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่เติบโตมาในชนเผ่าจึงเรียบง่าย และไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง เนื่องจากโครงสร้างของสังคมมนุษย์ในชนเผ่าจะมีความเท่าเทียมกัน และเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติเสมอ แต่จากมุมมองของรัฐบาลกลับมองว่าพวกเขาเป็นคนเกรียจคร้านสิ้นดี ไม่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงานเอาเสียเลย การมีทางเลือกและมีตัวเลือกมากมายก่ายกองเต็มไปหมด ทำให้ผู้คนเกิดความเครียดสูงมาก พอตื่่นนอนมาคุณก็ต้องเลือกแล้วว่าจะทำอะไรวันนี้ จะใส่ชุดอะไร จะกินอะไรดี จะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดหน้า แต่การมีทางเลือกนับร้อยนับพันเหล่านี้กลับไม่ทำให้ผู้คนเกิดความพึงพอใจได้สักที ในทางกลับกัน ชาวซูรินามไม่เคยต้องเลือกที่จะทำอะไร หรือจะไม่ทำอะไรในแต่ล่ะวัน พวกเขาพอใจในสิ่งที่พวกเขามี และสิ่งที่พวกเขาทำเสมอ

หากมีคนบอกให้พวกเขา วาดเขียนบางอย่าง วาดเขียนอะไรก็ได้ คุณคิดว่าพวกเขาจะวาดเขียนอะไรกันท่ามกลางตัวเลือกนับร้อยนับพันเหล่านี้ ความเชื่อของ ชาวบาลีและบารง ที่ว่า โลกใบนี้ และทั้งหมดแห่งจักรวาลต่างก็ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน เนื่องจากไม่เคยมีใครที่จะล่วงรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต การดำรงอยู่ที่แตกต่าง ของพวกเขาจะทำให้เราได้รับบทเรียนเกี่ยวกับ ความเจ็บป่วยและความตาย ปรัชญาความรู้ดั้งเดิม รวมถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกถ่ายทอดวิชาอาคมโดย การสืบสันติวงศ์ ให้กับวงศาคณาญาติอย่างไร พวกเขาใช้ มิติแห่งการเยียวยา รักษาความเจ็บป่วยของตน และคนที่ตนรักแบบไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็หายได้

ความเชื่อทางจิตวิญญาณช่วยนำพาพวกเขาเข้าไปสู่มิติแห่งการเยียวยา และการยอมรับความจริงตามกฏแห่งธรรมชาติ ชนพื้นเมืองชาวสินอย หรือชาว ซาไก ซึ่งหมายถึง ทาสรับใช้ ทำไมพวกเขาจึงถูกเรียกเช่นนั้นทั้งๆ ที่พวกเขาคือผู้คนที่มีความอิสระเสรีโดยแท้ในแบบของตนเอง โลกแห่งความเป็นจริง โลกแห่งร่มเงา จะพาเราไปสืบค้นให้แน่ใจว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความฝันกันแน่ การอ่านและการเขียน สะท้อนแง่คิดเบาๆ เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาในโลกยุคใหม่ และในยุคที่ยังไม่มีการศึกษา เราจะตีโจทย์เหล่านั้นแตกรึเปล่านั้น ต้องตามเข้าไปอ่านดูกัน คุณเคยถามตัวเองไหมล่ะว่าทำไมใน ป่าดงพงไพร ถึงมีต้นไม้เยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าดงดิบ หรือป่าที่ไม่เคยถูกตัด หรือเผา แล้วต้นไม้ที่ว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกันไหม ทำไมเมื่อเราคิดเกี่ยวกับป่าแล้วมันถึงดูน่ากลัวไม่น่าอยู่ทั้งๆ ที่มันก็เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ต้นมะม่วง มีความสำคัญอย่างไรกับชาวสินอย หมอผีหรือคนทรงเจ้า นั้นมีฤทธิ์เดชมากน้อยเพียงใดของชนพื้นเมือง พวกเขาใช้จิตสัมผัส และหยั่งรู้ถึงความสัมพันธ์กันของสรรพสิ่งได้อย่างเหลือเชื่อ

การเรียนรู้เพื่อการเป็นมนุษย์อีกครั้ง ได้ตอบคำถามที่ว่ามนุษย์ยุคใหม่จะสามารถเรียนรู้และกลับไปเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติได้อีกครั้งโดยการหยั่งรู้ได้ภายในใจ เพียงแค่ต้องโยนทิ้งความทันสมัยออกไปจากใจเสียก่อน ความเป็นส่วนตัวและความเหินห่าง จะพาเราไปไขปริศนาถึงจุดอ่อน และความล้ำเลิศของมนุษยชาติ ที่ประกาศว่าตนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ถือตนเป็นสัตว์ประเสริฐ และแยกตนออกจากโลกแห่งธรรมชาติ บรรดาเครื่องจักรเครื่องยนต์ทุกอย่างที่ถูกคิดค้นออกแบบและสร้างขึ้นภายใต้การครอบครองของมนุษย์นั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เครื่องจักรเครื่องยนต์เหล่านั้น จะทำงานทุกอย่างแทนมนุษย์ได้ในทศวรรษนี้ ค้นหาคำตอบได้กับ ผู้ชายหนึ่งร้อยคนนั้นทำอะไรกัน

โลกแห่งอารยธรรมได้ทำลายล้างความเป็นสัตว์สังคมที่ชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ที่นับถือศรัทธาการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมของการเป็นมุนษย์ และชื่นชอบการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนกับสัตว์อื่นในธรรมชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว

บัดนี้ โลกแห่งอารยธรรม ได้สร้างสังคมแห่งอารยชนด้วยความก้าวหน้าทางยุคเทคโนโลยี ได้เปลี่ยนแปลงระบบของสังคมดั้งเดิมในยุคก่อนให้กลายมาเป็นสังคมแห่งโลกาภิวัตน์ สังคมแห่งเงินตรา สังคมแห่งวัตถุของความเป็นชาวศิวิไลซ์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลให้ ความเป็นมนุษย์ป่า ในพันธุกรรมของเรากลับตาลปัตรไปโดยปริยาย สังคมมนุษย์ยุคใหม่จึงได้หลงลืม วิถีแห่ง การดูแลซึ่งกันและกัน รวมถึงความแตกแยกบาดหมางกันในสังคมอันมิอาจจะนำกลับคืนมาได้อีกครั้ง และผลลัพธ์อันโหดร้ายทารุณของโลกแห่งอารยธรรมก็คือ การทำให้มนุษย์ตัดขาดความสัมพันธ์ของตนออกจากโลกธรรมชาติไปชั่วนิรันดร์

ผู้แปลขอขอบคุณ เดวิด ชายผู้ที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ให้กับผู้แปล ผู้แปลขอขอบคุณ Mother Carola คุณแม่ของเดวิด ผู้ช่วยลงความเห็นว่า เธอหลงไหลกับเรื่องเล่าในหนังสือเล่มนี้ทุกบทตอน หากถามเธอว่าบทไหนกินใจเป็นพิเศษ เธอกลับบอกว่า ทุกบทตอนชนะหัวใจเธอ และเรื่องราวต่างๆ จากหนังสือเล่มนี้ได้ช่วยเติมเต็มความรู้สึกของความเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกธรรมชาติให้กับเธอ และเธอได้เคารพนับถือคุณค่าของความเชื่อทางจิตวิญญาณของชนพื้นเมืองทั้งหลายอย่างตื้นตันใจยิ่ง

ผู้แปล ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งของการจากไปของ โรเบิร์ท โวล์ฟ ผู้เขียน งานเขียนของเขาได้เติมเต็มคุณค่า และสะท้อนความหมายของการเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับมนุษยค์ยุคใหม่เกี่ยวกับ วิถีชีวิตของชนพื้นเมืองดั้งเดิม และความเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกธรรมชาติ ตนจึงขอถ่ายทอดผลงานของเขาผ่านหนังสือแปลเล่มนี้ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้อ่านเกิดความตระหนักรู้ได้มากยิ่งขึ้น

(หมายเหตุ)

เนื่องจากหนังสือแปลเล่มนี้ยังคงรอการตอบรับตีพิมพ์จากทางสำนักพิมพ์อยู่ หากผู้อ่านท่านใดมีความสนใจ หรือรู้จักสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือแปลแนวเรื่องเล่าเกี่ยวกับชนพื้นเมืองดั้งเดิม และความเชื่อทางจิตวิญวิญญาณอยู่ สามารถแนะนำให้ผูกับ้แปลได้ทุกเมื่อ และติดต่อโดยตรงกับผู้แปลได้ที่ [email protected] ผู้แปลขอขอบคุณมากยิ่งคะ