อาหารคือชีวิต! ความหมายตามตัวอักษรก็คือสิ่งที่ร่างกายของเราเป็น มันคือความเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างตัวเราและสิ่งแวดล้อม มันคือไฟแห่งชีวิต พลังงานที่ขับเคลื่อนมาจากพืชและสัตว์ต่างๆมาสู่ตัวเราและพลังงานดังกล่าวก็กลับสู่พืชและสัตว์ต่างๆ มันเป็นธาตุอาหารและแร่ธาตุต่างๆที่ถูกหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของวัฏจักรชีวิต อาหารคือทุกอย่างและทุกอย่างก็คืออาหาร (Food is everything and everything is food)
พวกเราพยายามกินอาหารที่มีในสวนให้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนนี้พวกเรายังต้องซื้อเฉพาะบางอย่างที่เรายังไม่สามารถปลูกเองได้หรือสิ่งที่เรายังผลิตเองไม่ได้ อาทิเช่น กระเทียมใหญ่ หอมหัวแดง น้ำตาลมะพร้าว ซอสซีอิ้ว ซอสน้ำมันหอย และปลาร้า (เอะทำไมยังไม่มีปลาร้า? ก็เพราะว่ายังไม่มีปลาพอสำหรับทำปลาร้าเองรอให้มีปลาในบ่อน้ำมีเยอะอีกสักหน่อยจะลองทำดู)
พวกเราแลกเปลี่ยนข้าวสารกับครอบครัวของ กานต์และเรากินมัน 5 นาที (ซึ่งเป็นมันสำปะหลังชนิดหนึ่งที่ใช้ประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย ปลูกง่ายโตเร็วไม่ต้องการดินดีเท่าไหร่ ไม่ต้องดูแลเท่าไหร่ก็ได้กินอิ่มแล้ว) เมื่อเวลาเรารู้สึกไม่อยากกินข้าวหรือข้าวสารหมดเราก็จะกินมันห้านาทีแทนข้าวอิ่มมากเหมือนกัน!
พวกเราจะกินอาหารป่า (กล่าวคือกินพืชผักป่าหรือสัตว์ป่า) ให้เยอะมากเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่กินคาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไป (ซึ่งมันจะง่ายมากกว่าเมื่อตอนที่เรามีกล้วยเยอะๆเหมือนที่สวนเดิม) และเรากินผลไม้ดิบ (ผลไม้สุกก็กิน) และกินพืชผักสดเยอะเช่นกัน โดยจะกินร่วมกันกับทุกมื้ออาหารเรากินผักกินใบหลายชนิดส่วนมากจะเป็นผักป่าที่เกิดเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพและกินแทนผักเมนูสลัด (คืออาหารที่มีผักสดหลายชนิดผสมกันและราดน้ำส้มสายชูที่หมักเองด้วยวิธีธรรมชาติจากผลไม้ตามฤดูไว้รับประทานร่วมกัน น้ำส้มสายชูจาก ลองกองและมังคุดอร่อยมากๆ)
เรากินอาหารมังสวิรัติเกือบจะทุกวันและเพียงแค่บางครั้งเช่นถ้าเราอยากตกปลาหรือล่าสัตว์ ในโอกาสพิเศษและช่วงฤดูที่มีแมลงเราก็กินเนื้อสัตว์ด้วย
เกลือ (Salt) เราใช้เกลือน้อยมาก เนื่องจากผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (ตัวอย่างเช่น เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง (hypertension) โรคอ้วน (obesity) โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular) และโรคไต (kidney diseases) โรคต่างๆนี้ต่างก็ถูกประเมินค่าต่ำไป หรือคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามันมาจากการบริโภคเกลือเกินความจำเป็นต่อร่างกาย! ถ้าคุณสั่งอาหารเย็นเป็นประจำ โดยเฉลี่ยของร้านอาหารในเมืองลอสแองเจลิส (Los Angeles) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา คุณจะได้กินเกลือเยอะมากเท่ากับชนเผ่าป่าชาว Yanomami ที่กินตลอดทั้งปีโดยเฉลี่ย! สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามนุษย์ไม่ต้องการบริโภคเกลือเป็นจำนวนมากและความต้องการที่จะปรุงแต่งอาหารด้วยเกลือด้วยจำนวนอันน้อยนิดเราก็สามารถหามาได้จากอาหารป่า พวกเราทำการทดลองทำเกลือจากพืช เช่นการเผารากหรือเผาเปลือกต้นไม้และใช้ผงขี้เถ้าที่ได้ใช้เป็นเกลือแทน เนื่องจากว่าเกลือในรูปแบบเช่นนี้นั้นมีประโยชน์ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ เกลือที่ทำจากเศษพืชมีส่วนประกอบหลักคือโพแทสเซียม (ส่วนมากเป็น KCl -โพแทสเซียมคลอไรด์ ) ไม่ใช่เกลือโซเดียมที่เป็นโซเดียมคลอไรด์(NaCl) หรือเกลือแกงเหมือนอุตสาหกรรมเกลือ เกลือที่ได้จากพืชผักยังมีส่วนประกอบของแร่ธาตุอาหาร ปริมาณน้อยซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการเผาผลาญอาหารของร่างกายเรานั่นเอง นี่คือวิธีการทำเกลือแบบธรรมชาติถ้าคุณไม่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งทะเล กลุ่มคนป่าทั่วโลกใช้ผงขี้เถ้าของพืชบางชนิด (เช่น ต้นนุ่น ต้นมะละกอ ต้นข้าวโพด และอื่นๆ) ใช้แทนเป็นเกลือเพื่อปรุงรสอาหารหรือใช้สำหรับจิ้มกินกับอาหาร
น้ำตาล (Sugar) มันอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมาอธิบายว่าทำไมพวกเราถึงไม่ใช้น้ำตาลทรายขาว (refined sugar) ณ ตอนนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่เข้าใจร่วมกันว่าน้ำตาลคือเป็นสิ่งที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ลืมคิดไปว่ามันอันตรายมากที่สุด (ในกรณีของสัดส่วนที่ซับซ้อนมันส่งผลให้น้ำตาลเป็นสารเสพติดทั่วโลก) สวนเราใช้น้ำตาลก็ต่อเมื่อเราทำใช้เป็นส่วนผสมของผลไม้กวนหรือแยมและไวน์ เราใช้น้ำตาลปีบที่ทำจากมะพร้าวหรือลูกตาล (ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ทำมาจากการต้มคั้นเอาน้ำหวานออกจากดอกไม้ของพืชตระกูลปาล์มชนิดต่างๆ) และใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเสมอ นอกจากการใช้น้ำตาลปีบแล้วเราจะใช้หญ้าหวาน (Stevia rebaudiana) ที่เราปลูกเองในสวนเพื่อใช้ผสมรสหวานในเครื่องดื่มเช่น ต้มผสมในกาแฟและน้ำชา เนื่องจากหญ้าหวานไม่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อฟัน น้ำหนัก ระบบภูมิคุ้มกันหรือระดับน้ำตาลในเลือด ฉะนั้นคนที่ควบคุมน้ำหนักอยู่หรือคนที่ดูแลสุขภาพรวมถึงคนที่เป็นโรคเบาหวานซึ่งกินน้ำตาลไม่ได้แต่หญ้าหวานคือทางเลือกที่ดีที่สุด หวานแบบธรรมชาติและหายห่วงเรื่องผลกระทบที่จะตามมาได้เลย ทั้งปลูกง่าย โตเร็ว ใช้ดี ใช้สะดวก อร่อยมากด้วย!
พวกเราทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารที่เรากินส่งผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นหมายถึงการหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่หาไม่ได้ตามท้องถิ่นหรือที่หาไม่ได้จากในสวน “เราออกเก็บหาอาหารด้วยความตระหนักรู้ (คือเราเอาใจใส่และระวังเสมอว่าเราไม่เก็บเยอะจนเกินไป)” เราเก็บเกี่ยวและกินพืชผักและผลไม้ต่างๆตามฤดูกาลเท่านั้น!
ตัวอย่างอาหารบางส่วนที่พวกเราชื่นชอบและรับประทานกัน: รูปภาพเมนูอาหารที่เรากินจะเอามาอัพเดตกันเรื่อยๆ!!
ซุปหน่อไม้ (Soop nor Mai) ถือเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่เป็นอาหารที่กินได้อย่างยั่งยืนมากที่สุดในประเทศเขตร้อนก็คือ หน่อไม้ สวนเรามีไม้ไผ่เยอะ ดังนั้น ตอนที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยวหน่อไม้เราก็จะกินเมนูนี้แบบวันเว้นวันกันเลยทีเดียว และก็ไม่เคยเบื่อกันเลยเชียว เมนูซุปหน่อไม้เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคอีสานถือเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้เลย หน่อไม้สามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงหน่อไม้ (แกงใส่น้ำยานางและไข่มดแดงจะแซ่บมากๆ) ต้มหรือลวกหน่อไม้กินกับน้ำพริก ผัดเผ็ดหน่อไม้ ทำเป็นหน่อไม้ดองไว้สำหรับทำแกงส้มหน่อไม้ และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่ความชอบของแต่ล่ะคน สำหรับวิธีการทำอาหารกับหน่อไม้คาดว่าทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีหรือถ้าไม่รู้จักก็จะมีวิธีการทำหรือขั้นตอนการทำอาหารกับหน่อไม้ก็มีกรรมวิธีสำหรับการประกอบเมนูอาหารอย่างหลากหลาย ถ้าจะให้อธิบายถึงสูตรลับของสวนฟื้นฟูฯคงจะยาวเกินไปเพราะว่าจะเป็นวิธีทำแบบดั้งเดิมสูตรลับมาจากครอบครัวเรา แต่คุณสามารถทำอะไรก็ได้กับหน่อไม้แล้วแต่ความชอบส่วนตัว!
แกงอ่อมปลาไหล (Gaeng om plaa laai) เมนูที่แปลกประหลาดอย่างน่าทึ่งนี้คือเมนูที่เรากินค่อนข้างบ่อยตอนที่เราจับปลาไหลได้จากบ่อน้ำของเรา เดฟ คิดว่ามันคือปลาที่อร่อยมากที่สุดในโลก!!! และปลาไหลมันกินง่ายซะเหลือเกินเนื่องจากปลาไหลไม่มีก้างเลยมีแค่กระดูกสันหลัง อ่อมปลาไหลก็เป็นอาหารอีสานอีกเมนูหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าพ่อครัวซะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมแต่แม่ครัวจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะว่ากลิ่นคาวที่แรงมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการทำ ถ้าใส่เครื่องเทศดับกลิ่นคาวลงไปมันก็เป็นปลาที่อร่อยดีจริงๆ นอกจากนำเอาปลาไหลมาทำแกงอ่อมแล้วก็ยังสามารถนำไปประกอบอาหารเมนูอื่นๆได้อย่างหลากหลายเช่นกัน อาทิเช่น ผัดเผ็ดปลาไหล ต้มยำต้มแซ่บปลาไหล น้ำพริกปลาไหล ปิ้งย่างปลาไหล หมกปลาไหลใส่หน่อไม้ก็ยังได้อีก เป็นต้น ทั้งนี้ปลาไหลยังถือเป็นปลาชนิดเดียวที่จับยากมากที่สุดอย่างสมชื่อเพราะตัวมันลื่นมากจับยังไงก็จับไม่อยู่ต้องเชี่ยวชาญและรู้วิธีจริงๆถึงจะจับอยู่ ส่วนวิธีการหาก็เหมือนกันกับปลาชนิดอื่นๆ ตกเบ็ดแต่ต้องเบ็ดสั้นที่คันเบ็ตทำจากไม้ไผ่แบบบ้านๆก็ใช้ได้แล้วเหยื่อก็จะเป็นไส้เดือนหรือด้วงขาว หรือบางพื้นที่เขาก็จะมีวิธีแบบอื่นๆแล้วแต่ใครจะมีวิธีการใด เมนูแกงอ่อมปลาไหลถ้าอยากให้อร่อยๆแบบอีสานแท้ๆต้องแกงใส่ผักขมหรือยอดมะระขี้นกเยอะๆให้มีรสขมสักหน่อยก็จะอร่อยมากยิ่งขึ้น!
แกงอ่อมนก (Gaeng om nok) เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้นกตัวเล็กหรือตัวกำลังเป็นหนุ่มมาเราก็จะนำมาทำแกงอ่อมนก เมนูเด็ดของสวนฟื้นฟูฯ อาหารอีสานจานโปรดของเราและคาดว่าคงเป็นอาหารจานโปรดของอีกหลายๆคนเช่นกัน เนื่องจากว่าความกลมกล่อมของเนื้อนกและเครื่องเทศที่มีรสชาติจัดจ้านร่วมกันกับผักชีลาวหรือหัวหอมแดงที่ใส่เข้าไปเข้ากันดีจริงๆ กินแกงอ่อมนำกับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ แซ่บอิหลีเด้อ! นกยังสามารถทำอาหารได้อีกหลายอย่างตามแต่ถนัดกันเลยทีเดียว ที่สวนเราส่วนมากถ้าไม่ทำแกงอ่อมก็จะเป็นปิ้งย่างและทำเมนูลาบซะส่วนใหญ่!
ซุปขนุน (Soop khanun) อาหารพื้นบ้านอีสานอีกเมนูหนึ่ง เมนูที่แสนอร่อยเมนูนี้ทำให้พวกเรากินอิ่มจนเกินไปครั้งแล้วครั้งเล่า เมนูซุปต่างๆเครื่องปรุงหลักๆที่ข่ดไม่ได้เลยก็คือพริกป่น ข้าวขั้วและผักหอมต่างๆ เมนูซุบขนุนนี้ก็เช่นกัน ทำจากขนุนดิบที่ยังไม่แก่เกินไป ต้มให้สุกพอดีไม่ถึงเหละหรือเปื่อยจนเกินไป ตำเนื้อที่ต้มสุกแล้วให้เข้ากันดีในครก และต้มน้ำปลาร้าเพื่อใส่เป็นน้ำพริกและตำผสมกับเนื้อขนุนที่ตำไส้แล้วใส่ผักหอมต่างๆลงไปแต่เมนูนี้จะขาดผักสะระแหน่ไม่ได้เลยเพราะถ้าไม่ใส่มันจะไม่หอมเท่าไหร่ จะเน้นรสชาติเผ็ดและนัวๆเข้าไว้เพราะเนื้อขนุนจะดูดเอาน้ำพริกปลาที่ตำไว้ไปจนหมดเหลือรสชาติจืดๆถ้าปรุงเครื่องไม่เข้มมากพอแต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อขนุนมีเยอะหรือไม่ ซุปขนุนกินด้วยกันกับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆและผักสดต่างๆได้อย่างเอร็ดอร่อย!
แกงเห็ดป่า (Gaeng het paa) ในฤดูเก็บเห็ด แกงเห็ดป่าคือเมนูโปรดของเรา หลายคนคงจะรู้จักชื่อเห็ดป่ากันดี ที่เรารู้จักและเคยไปเก็บตอนเป็นเด็กจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังหาโอกาสไปเก็บเห็ดในป่าอยู่เลย ชอบมากกินแกงเห็ดป่า ที่รู้จักดีก็จะเป็นเห็ดเผ่งหวาน เห็ดแดง เห็ดเผ่งแดง เห็ดน้ำหมาก เห็ดถ่าน เห็ดไค เห็ดหน้างัว เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก็จะมีหลายชนิด เห็ดระโงก เห็ดเผาะ ในแก่งเห็ดป่านี้ก็จะมีเห็ดเหล่านี้อยู่ด้วย เห็ดป่านานาชนิดนี้ยังสามารถนำไปต้มหรือนึ่งและตำเป็นน้ำพริกเห็ดได้อีกด้วยหรือเอาไปทำเป็นเมนูซุปเห็ดป่าก็ย่อมได้ สำหรับวิธีการทำแกงเห็ดป่าก็จะเหมือนกับแกงเห็นเลี้ยงแต่จะต้องต้มนานกว่าเพื่อให้แน่ใจว่ามันสุกดีจริงๆบางคนถ้าธาตุของร่างกายไม่แข็งแรงอาจจะแพ้เห็ดป่าได้ถ้าต้มไม่สุกดี ใส่ยอดผักชะอมและยอดแมงลักเพื่อเติมกลิ่นหอมอันกลมกล่อมเข้าไปก็อร่อยจนวางมือไม่ลงแล้วล่ะ! (คลิกที่นี่รายชื่อเห็ดป่าที่กินได้)
แกงส้มป่า (Gaeng som paa) เมนูแกงส้มเป็นอาหารไทยโดยทั่วไปและแกงส้มในแบบของเราคือแกงส้มป่าเนื่องจากว่าเราใข้วัตถุดิบที่หาได้จากป่าและวิธีการทำก็จะเป็นแบบพื้นบ้าน เช่น แกงส้มปลาใส่ใบชะม่วง แกงส้มหยวกกล้วยใส่ใบมะขามหรือมะขามเปียก แกงส้มต้นตะเกียบที่เราพึ่งจะได้รู้จักตอนที่ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี!
ตำน้ำพริกแมงคาม (Nam Prik Maeng Khaam) ในฤดูแมงคามเราก็จะกินน้ำพริกแมงคามบ่อยมากและกินกับผักสดที่เรามีในสวนหรือผักป่าที่หาได้ตามชายป่าชายเขาข้างๆสวนของเรา เมนูนี้ก็เป็นอาหารอีสานอีกเช่นกัน คนอีสานจะรู้จักกันดี กินอร่อยมาก รสชาติดี ถ้าไม่ตำน้ำพริกก็แค่ขั้วใส่เกลือนิดหน่อยและกินเล่นกับข้าวเหนียว เนื่องจากเป็นอาหารอีหารพื้นบ้านแต่ล่ะท้องถิ่นก็จะมีวีธีทำแตกต่างกันออกไป แต่ที่สวนเราก็จะใช้สูตรเด็ดที่เรียนมาจากครอบครัวอีกแล้ว เคยทำมาอย่างไรเราก็จะปรุงอาหารแบบที่เรารู้จัก จะขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับขั้นตอนการทำอาหารเมนูนี้สักหน่อย ถือได้ว่าเป็นเมนูที่หายากไม่มีในร้านอาหารนะถ้าที่บ้านคุณมีแมงคามห้ามพลาดเลยเชียว!
ขั้นตอนแรก: ไปเก็บแมงคามก่อนตอนเช้าๆแมงคามก็จะเกาะอยู่ตามใบไม้ของต้นไม้ที่มันชอบกินที่สวนเราที่นี่มันชอบกินใบต้นมะไฟและใบถั่วพร้า ที่อีสานถ้าจำไม่ผิดมันจะชอบกินใบต้นคอม (ชื่ออีสานชื่อภาษากลางยังไม่ทราบ)
ขั้นตอนที่สอง: เก็บแมงคามใส่ถังแช่น้ำไว้สักสองสามชั่วโมงให้มันถ่ายมูลออกจะได้ไม่ขมเท่าไหร่จากรสชาติใบไม้ที่มันกิน
ขั้นตอนที่สาม: เอาออกจากถังล้างน้ำอีกสักครั้งและเตรียมกะทะใส่ไฟไว้ใส่น้ำเล็กน้อยพอน้ำเดือดใส่แมงคามลงไปในกะทะใส่เกลือนิดเดียวพอให้มันไม่จืดนัก ขั้วใส่กะทะใช้ทับพีคนไปมาให้เข้ากันแล้วปิดฝาหม้อไว้ให้มันสุกดีๆจากนั้นหากน้ำเริ่มแห้งแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จ
ขั้นตอนที่สี่: เอาออกจากกะทะปล่อยให้มันไม่ร้อนเท่าไหร่แล้วเอาแมงแคงมาดึงหัวออก ถอดปีกและขามันออกเพราะถ้าเอาไปตำทั้งตัวเลยมันจะกินยาก ขามันชอบติดฟันคนที่ฟันมีรูหรือช่องปากไม่ค่อยแข็งมันจะทรมานนิดหน่อยเวลากิน ปีกก็ชอบติดฟัน หัวมันแข็งและมีเนื้อไม้เยอะเท่ากับตัวมันนัก ฉะนั้นจำเป็นมากที่จะต้องเอาหัวปีกและขามันออกไปให้หมด เหลือไว้แค่ตัวสำกรับเอามาตำในครกให้ละเอียดร่วมกันกับเครื่องพริกป่นหัวหอมแดงกระเทียม และข้าวขั้ว ต้มน้ำปลาร้าใส่ตระไคร้และขมิ้นไว้
ขั้นตอนสุดท้าย: นำเอาตัวแมงคามที่ตำละเอียดแล้วมาผสมกับน้ำพริกปลาร้าที่ต้มไว้คนให้เข้ากันดีๆในครกและใส่ผักสะระแหน่และหอมแดงสดใบต้นหอมหรือผักหอมอะไรก็ได้ที่คุณชอบใส่ข้าวขั้วและตำให้เข้ากันอีกทีชิมดูว่าได้รสชาติที่คุณต้องการหรือยังถ้าอร่อยแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับเมนูน้ำพริกแมงคาม!
แกงผักขี้เหล็ก (Gaeng Khee Lek) เมนูนี้คือสำหรับชาวต่างชาติมันจะเป็นอาหารที่ขมสุดๆแต่ก็ยังเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยอย่างน่าประหลาดใจ ใบอ่อนและยอดของผักขี้เหล็กต้องต้มสองน้ำเพื่อที่จะขจัดเอารสขมออกไปสักหน่อย และน้ำที่ต้มครั้งแรกเสามารถนำมาดื่มเป็นน้ำชาได้ มีรสชาติขมมากๆ แต่ก็เป็นชาสมุนไพรชั้นเลิศเลยทีเดียว ใช้เป็นยาระบายได้ดี นอกจากนี้ถ้ามีดอกผักขี้เหล็กก็นำเอามาต้มรวมกันได้ บางคนอาจจะแกงใส่หนังวัวแห้งหรือหอยเชอรรี่หอยขม หรือแกงใส่แคปหมู ก็เข้ากันดีนะ แกงผักขี้เหล็กกินร้อนๆกับข้าวเหนียว แซ่บๆกันไปเลย!
แพนเค้กจากมันห้านาที (Cassava pancakes) วิธีการทำแพนเค้กจากมันห้านาทีนี้เราได้รู้จักมาจากคนป่าชาว Yanomami ของป่าดงดิบอเมซอน
ตำเมล็ดขนุน/ตำเมบ็ดจำปาดะ (Mashed Jackfruit/Cempedak seeds) ขนุนและจำปาดะกินได้สองครั้ง ครั้งแรกกินเนื้อสุกแล้วก็กินเมล็ด โดยการต้มเมล็ดให้สุก สามารถกินเมล็ดที่ต้มสุกแล้วเป็นอาหารว่างได้อย่างอิ่มท้อง หรือทำอาหารจากเมล็ดที่ต้มสุกแล้วเหมือนเมนูนี้ตำเมล็ดขนุนหรือตำเมล็ดจำปาดะ โดยปอกเปลือกด้านนอกออกแล้วนำไปตำในครกให้ละเอียดดีตำรวมกันกับเครื่พริกป่นกระเทียมหอมหัวแดง ผักหอม สะระแหน่ พริกไทย กระปิและใส่มะเขือพวงนิดหน่อยหรือใส่อะไรก็ไก้ที่คุณมีเพื่อเพิ่มรสชาติตามชอบ เมื่อตำรวมกันเสร็จก็จิ้มกินกับผักสดทุกชนิด กินกับใบชะพลูอร่อยเข้ากันดีมาก ถือเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอีกเมนูหนึ่งของสวนเรา ลองตำกินกันดูได้ถ้าไม่อยากกินแค่เมล็ดเปล่าๆ!
เมนูอาหารที่เรากินยังไม่หมดเพียงแค่นี้! ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่เราสามารถนำเอาวัตถุดิบจากป่าหรือจากพืชผักและผลไม้รวมถึงธัญญาหารชนิดต่างๆที่เรามีหรือที่เราหาได้ตามธรรมชาติมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย ถ้าคุณชื่นชอบการทำอาหารประเภทผสมผสานคุณก็จะไม่เคยต้องกินอาหารแบบซ้ำๆอีกต่อไป อาหารอีสานพื้นบ้านถือเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับอาหารป่าเพราะว่าอาหารอีสานเป็นอาหารที่ต้องใช้วัตถุดิบที่มีในธรรมชาติหรือหาได้ง่ายๆตามท้องถิ่นและเครื่องปรุงรสต่างๆก็ไม่เยอะนักเมื่อเทียบกับอาหารไทย เช่น ไข่มดแดง แมงกินูน แมลงชนิดต่างๆ ตั้กกะแตน ผักป่า เห็ดป่า มันป่า ยอดเครือหวาย หน่อไม้ชนิดต่างๆที่หาได้ตามธรรมชาติเหล่านี้ล้วนนำมาทำเป็นอาหารพื้นบ้านอีสานได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ต้องมีปลาร้าและเกลือสำหรับปรุงรสชาติของอาหารอีสานให้อร่อยมากขึ้นแต่นอกจากเรื่องเครื่องปรุงแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพิถีพิถันนัก ผู้เขียนเองก็เป็นคนอีสานก็เลยเทใจให้กับอาหารบ้านเกิดของตน อาหารอีสานทำง่าย วิถีความเป็นอยู่ของคนอีสานก็กินอยู่กันอย่างเรียบง่าย จึงต้องการที่ยึดอาหารพื้นบ้านอีสานเอาไว้ให้เป็นอาหารหลักของสวนของเราต่อไป สำหรับเมนูอื่นๆที่เราทำกินจะทะยอยเอามาอัพเดตกันเรื่อยๆยังมีอีกหลากหลายเมนูที่อยากจะเอามาแบ่งปันกับคุณ! รอติดตามกันได้เรื่อยๆ!
No comments.